ประเภทของกล่องอาหารเสริมที่ได้รับความนิยม
ลำดับแรกก่อนที่คุณจะสั่งรับผลิตกล่องอาหารเสริมเพื่อใช้งานกับสินค้าประเภทใดก็ตาม การทำความเข้าใจเรื่องของประเภทเพื่อเลือกอย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยปกติแล้วกล่องสำหรับบรรจุกล่องอาหารเสริมทั้งหลายมักถูกออกแบบ ดังนี้
1. กล่องฝาเปิดแบบก้นเสียบ
ถือเป็นประเภทกล่องอาหารเสริมที่พบเห็นบ่อย และได้รับความนิยมสูงสุดเลยคงไม่ใช่เรื่องผิดนัก หลักเบื้องต้นคือฝาด้านบนจะมีการออกแบบให้เปิดออกได้โดยมี 1 ด้านยังคงติดอยู่กับตัวกล่อง แบบเดียวกับด้านล่าง สามารถบรรจุได้ทุกประเภทอาหารเสริมไม่ว่าจะเป็นแบบแคปซูล แบบกระปุก แบบขวด แบบผง ฯลฯ
2. กล่องฝาสไลด์
หลายคนอาจคิดว่ากล่องฝาสไลด์จะนิยมเฉพาะช็อกโกแลตหรือของพรีเมี่ยม แต่จริง ๆ นี่เป็นอีกประเภทของกล่องอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ด้วยดีไซน์ที่มีความหรูหรา แตกต่าง จึงเพิ่มมูลค่าสินค้าให้แพงขึ้นอีกหลายเท่า นิยมใช้กับกล่องอาหารเสริมประเภทแผงหรือแบบซองผงมากกว่า
3. กล่องฝาครอบ
อาจไม่ค่อยคุ้นชินกันมากนักแต่จริง ๆ แล้วกล่องประเภทนี้ก็ถูกออกแบบสำหรับใช้บรรจุกล่องอาหารเสริมอยู่ไม่น้อย ให้ความหรูหรา สามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้เมื่อทานอาหารเสริมหมด สร้างมูลค่าขายราคาสูงขึ้น โดยฝาด้านบนจะแยกออกจากตัวกล่องด้านล่างชัดเจน ใช้ได้กับสินค้าทุกรูปแบบเช่นกัน
ข้อมูลที่ควรมีระบุเอาไว้บนกล่องอาหารเสริม
ด้วยความที่สินค้าประเภทนี้ต้องมีการทานหรือสัมผัสร่างกายของคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อาหารเสริมทุกประเภทต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงมีการระบุข้อมูลเอาไว้ครบถ้วนบนหน้ากล่องอาหารเสริม ซึ่งข้อมูลที่จะแนะนำต่อไปนี้ย้ำว่าควรมีและเป็นของจริงทั้งหมด ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้นกว่าเดิม
1. แบรนด์สินค้า
สิ่งแรกที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดนั่นคือแบรนด์ของสินค้า ควรเขียนตัวใหญ่เพื่อให้เกิดการจดจำง่าย หากสินค้าของคุณใช้ดีจะช่วยให้เกิดการบอกต่อรวดเร็ว จดจำง่าย
2. ประเภทสินค้า
นอกจากแบรนด์แล้วต้องระบุถึงประเภทสินค้าด้วยว่าเป็นอาหารเสริมรุ่นไหน หรือจะบอกชนิดของสินค้า เช่น อาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก อาหารเสริมบำรุงสายตา อาหารเสริมบำรุงสมอง อาหารเสริมบำรุงผิวพรรณ ก็ได้เช่นกัน
3. สรรพคุณของสินค้า
ควรเน้นระบุสรรพคุณแบบเข้าใจง่าย ไม่ต้องใช้คำยืดยาวมากนัก เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าอาหารเสริมตัวนี้ตอบโจทย์ในเรื่องไหน ใช้งานแล้วจะเป็นเช่นไร ส่วนมากนิยมระบุเป็นข้อดี เช่น ทำให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสภายใน 7 วัน หรืออาจบอกเป็นส่วนผสมหลักที่มีคุณประโยชน์สูงต่อร่างกาย เช่น มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ มีส่วนผสมของถั่งเช่าป่า เป็นต้น
4. วิธีใช้งานหรือข้อควรปฏิบัติในการใช้งาน
เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกคนที่ซื้อ จึงต้องมีการระบุวิธีใช้งาน หรือข้อควรปฏิบัติเมื่อใช้งานอย่างละเอียด ครบถ้วน เพื่อให้ทุกคนนำไปปฏิบัติตาม ลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายต่าง ๆ ตามมาภายหลัง เช่น ทานวันละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า ผสมกับน้ำเย็นก่อนชงดื่ม ทาบาง ๆ บริเวณใบหน้าและลำคอ เป็นต้น
5. สัญลักษณ์การรับรองมาตรฐาน
ตามที่อธิบายไปว่าอาหารเสริมถือเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องสัมผัสโดยตรง รับผลิตกล่องอาหารเสริมที่ดีจึงต้องมีการระบุสัญลักษณ์การรับรองมาตรฐานเอาไว้ให้เห็นเด่นชัดเสมอ สร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น เช่น ตรา อย. ตราฮาลาล มาตรฐาน ISO การผลิต และอื่น ๆ ตามที่คุณได้นำไปผ่านการตรวจสอบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
6. ส่วนประกอบทั้งหมดของกล่องอาหารเสริม
อีกข้อที่จะช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจง่ายขึ้นว่าควรใช้งานดีหรือไม่นั่นคือการมีส่วนประกอบทั้งหมดระบุลงไปตามสัดส่วนที่ใช้จริง เพราะอย่าลืมว่าผู้บริโภคบางคนอาจมีอาการแพ้จากสารอาหารบางชนิดแตกต่างกันออกไป อาจระบุทิ้งท้ายด้วยก็ได้ว่ามีส่วนผสมของสิ่งไหนที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น มีส่วนผสมของน้ำมันรำข้าว มีส่วนผสมของน้ำมันตับปลา
7. ข้อห้ามหรือข้อควรระวังในการใช้งาน
ข้อสุดท้ายที่อยากให้มีระบุเอาไว้บนกล่องอาหารเสริมนั่นคือ ข้อห้ามหรือข้อควรระวังในการนำไปใช้งาน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโทษและส่งผลเสียต่อแบรนด์ เช่น ห้ามทานเกินที่กำหนด ห้ามใช้ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามใช้ในเด็กและสตรีมีครรภ์ เป็นต้น
สิ่งที่ไม่ควรมีอยู่บนกล่องอาหารเสริม
นอกจากสิ่งที่ต้องระบุแล้วก็ยังมีบางสิ่งที่ไม่ควรมีด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการโฆษณาชวนเชื่อแบบเกินจริง เช่น น้ำหนักลดลงทันทีภายใน 5 วัน เพราะนอกจากอาจไม่ใช่เรื่องจริงแล้วยังถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายที่แบรนด์มีโอกาสต้องโดนบทลงโทษ รวมถึงยังเสียภาพลักษณ์ที่ดีอีกด้วย
ในการผลิตกล่องหากคุณสามารถดีไซน์ หรือสร้างความน่าเชื่อถืออยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเอาไว้บนกล่องอาหารเสริม ย่อมช่วยเพิ่มความน่าสนใจและอยากซื้อ สร้างยอดขายตามเป้าหมายที่ต้องการไม่ยากเลย